ปั่นจักรยานยังไงไม่ให้ปวดคอ
หากดูจากตำแหน่งโครงสร้างของร่างกายจะเห็นว่าส่วนบนของร่างกายมักจะมีการเคลื่อนไหวน้อยสุด แต่ไม่ใช่ไม่มีการเคลื่อนไหวเลย โดยเฉพาะศีรษะมักจะมีการเคลื่อนไหวแบบ ก้ม / เงย / เอียงคอซ้าย-ขวา หรือแม้แต่หมุนคอไปทางซ้ายและด้านขวา ซึ่งหากการเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นไปตามปกติ อาการปวดต่างๆย่อมไม่มีแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หรือแม้แต่อาการปวดศีรษะร่วมถึงไมเกรนด้วย คนส่วนใหญ่มักไม่ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวของศีรษะ และมักพบว่าในคนทีมีปัญหาดังกล่าวนั้นส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานออฟฟิศ หรือคนที่ต้องทำงานในท่าทางเดิมนานๆ ที่มีการขยับหรือเคลื่อนตัวน้อย หากคุณต้องทำงานแบบที่กล่าวข้างต้นแถมยังเป็นนักปั่นอีก เราจะมีวิธีไหนที่จะช่วยให้ ปั่นจักรยานยังไงไม่ให้ปวดคอ
เคยสงสัยกันไหมคะ? ว่าการที่เราออกกำลังกายหลังเลิกงาน เพื่อให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหวมากขึ้นแต่ทำไมอาการปวดต่างๆ ไม่เห็นหายไปหรือลดลงเลย ใช่ค่ะ! เรากำลังจะพูดถึงว่าการมีท่าทาง (Posture) ที่ดีย่อมส่งผลให้การทำกิจกรรมต่างๆ นั้นดีไปด้วย ซึ่งในการปั่นจักรยานก็เช่นกัน หากคุณเป็นพนักงานออฟฟิศที่ผันตัวมาเป็นนักปั่น สิ่งแรกที่คุณควรมีคือ การมีท่าทาง (Posture) ที่ถูกต้องก่อน เนื่องจากในชีวิตประจำวันของคุณโดยปกติต้องอยู่หน้าคอม หรือนั่งทำงานในท่าทางเดิมนานๆ (Static posture) อยู่แล้ว ส่งผลต่อโครงสร้างของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ไหล่ห่อ, คอยื่น, หลังแอ่น, ในส่วนของไหล่ จะอยู่ในลักษณะงุ้มเข้าตลอดเวลา จากลักษณะของการปั่นจักรยานที่บังคับให้เราต้องอยู่ในท่าทางการปั่นแบบเดิมนานๆ ดังนั้นกล้ามเนื้อบริเวณด้านหน้าจะถูกหดรั้งและกล้ามเนื้อด้านหลังถูกยืดยาวออกทำให้เกิดการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อด้านหลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากจะเสียบุคลิกภาพแล้ว สิ่งที่จะตามมาแน่ๆ คืออาการปวดหลังส่วนบน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดที่บริเวณสะบักนั่นเองค่ะ เพราะท่าทางการปั่น ส่งผลให้เกิดกระดูกสะบักลอย (Scapula wing)
หากไม่ได้รับการแก้ไข อาการปวดนั้นก็จะยังคงอยู่ค่ะ เพราะแท้จริงแล้วอาการปวดอาจจะไม่ได้มาจากการปั่นจักรยานเพียงอย่างเดียว แต่อาการต่างๆ อาจจะสะสมมาเรื่อยๆ จากการใช้ชีวิตประจำของตัวคุณเอง แล้วไปส่งผลกระทบต่อการปั่นจักรยานก็ได้